ผมแชร์เรื่องนี้ให้กับน้องๆในคลินิก และเผื่อจะเป็นประโยชน์ โดยเฉพาะกับเพื่อนๆหมอฟันเกี่ยวกับการทำงานในช่วงเวลาต่อจากนี้ครับ เพราะเรามีทันตแพทย์ให้บริการจำนวนมากขึ้น และคนไข้ผู้รับบริการ มองตัวเองเป็นลูกค้าที่ต้องได้รับการบริการที่ดี..ในแบบที่เขาพอใจ
ผมสรุปแนวทางการทำงาน ที่จะสามารถทำให้เราอยู่รอด เป็นคุณหมอรุ่นใหม่หัวใจสดใส ( ถึงแม้จะทำงานมานานแล้วนะครับ
)
1. จังหวะแรกที่เจอคนไข้ first impression เป็นสิ่งสำคัญ ดูแล outfit ให้สะอาด และเหมาะสมกับตัวเอง สร้างภาพจำให้กับคนไข้
2. เมื่อเริ่มพูดคุยทำการสื่อสารกับคนไข้ น้ำเสียงที่ใช้ให้คุมโทน หรือมีระดับเสียงสูงต่ำที่สม่ำเสมอ ถึงจะคุยเล่นผ่อนคลาย แต่น้ำเสียงมีความหนักแน่น จะสร้างความรู้สึกจริงจัง จริงใจ
3. คนไข้ในปัจจุบันนี้ ไม่ชอบให้ตนเองถูกเรียกว่าคนไข้ อันนี้จากงานวิจัยที่มอสเดนทอลทำแบบสอบถามมาครับ คำว่าคนไข้ต่อไปนี้เราควรจะใช้เป็นสรรพนามบุคคลที่สาม เอาไว้สื่อสารกันเอง สำหรับการเรียกสรรพนามบุรุษที่สองให้เลี่ยงไปใช้ คุณ… , พี่… สังเกตดูว่าคนไข้ เรียกแทนตัวเองว่าอะไร เช่นถ้าเค้าเรียกแทนตัวเองว่าป้า หรือลุง เราก็เรียกกลับคุณลุงคุณป้าได้ไม่เป็นไรครับ
4. คนไข้ปัจจุบัน ต้องการมีความสัมพันธ์กับคุณหมอเป็นระดับปฐมภูมิมากขึ้น ต้องการให้คุณหมอจำชื่อคนไข้ได้ จำความต้องการ หรือบุคลิกลักษณะพิเศษหรือเรื่องราวของคนไข้ได้ ในเรื่องความสัมพันธ์กับคนไข้คุณหมอแต่ละท่านให้คงระยะ ตามความเหมาะสมครับ
5. ขณะทำงาน อย่าทำไปบ่นไป เช่นบ่นเครื่องมือ บ่นผู้ช่วย หรือพูดพึมพำกับตนเองเช่น ทำไมไม่มีนั่น ไม่มีนี่, caries หมดหรือยังเนี่ย , ลึกอีกนิดดีมั้ยนะ เพราะจะทำให้คนไข้สูญเสียความมั่นใจ
6. อย่าพูดพาดพิงงานของคุณหมอคนอื่นทุกกรณี เนื่องจากเราไม่ได้ อยู่ในสถานการณ์นั้น เราไม่รู้เงื่อนไขการทำงานและข้อตกลงกับคนไข้ ให้คิดเสมอว่าถ้าเราไปพูดพาดพิงงานคนอื่นแล้วเขาเกิดมีปัญหาขึ้นมา เราก็จะมีปัญหาตามไปด้วยทันที ทุกครั้งที่มีคนไข้หนีมาจากหมอคนอื่น ให้การรักษาและคำแนะนำเสมือนกับเป็นคนไข้ใหม่ เคสใหม่ ที่ยังไม่เคยได้รับการรักษาจากใครมาก่อน พุ่งเป้าไปที่ปัญหาของคนไข้และการแก้ปัญหานั้น เราจะดูเก่งดูโปร และคนไข้จะให้ความไว้วางใจครับ
7. บอกแผนการรักษาที่ดีที่สุดให้ชัดเจน จากนั้นดูเงื่อนไขของคนไข้ ว่าเหมาะสมกับแผนการรักษานั้นไหม ถ้าไม่เหมาะสมก็ให้ปรับให้เหมาะสม ถึงแม้จะไม่ได้เป็นแผนการรักษาที่ดีที่สุด แต่ถ้าเป็นประโยชน์กับคนไข้ก็สามารถทำได้ โดยมีการบันทึกข้อจำกัดต่างๆไว้
8. บอกราคาค่าใช้จ่ายและแผนชำระให้ชัดเจน ถ้าสามารถมีแพลนบีแพลนซีได้ยิ่งดี เพราะคนไข้จะรู้สึกว่าการรักษานี้ เค้าเป็นคนเลือกและเป็นเจ้าของแผนการรักษาร่วมกันกับคุณหมอ
9. เมื่อมีความขัดแย้งหรือความไม่พอใจเกิดขึ้น ให้คิดเสมอการทำงานของเรา เป็นบริการสาธารณสุข เราทำงานเพื่อให้คนไข้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ค่าใช้จ่ายที่คนไข้จ่าย เราอาจจะไม่รู้สึกมากมาย เพราะเราทำงานอยู่ทุกวันๆ แต่ในมุมของคนไข้เป็นค่าใช้จ่ายพิเศษ ที่งอกขึ้นมาจากชีวิตประจำวันตามปกติ เมื่อเค้าจ่ายเงินแล้วเค้าต้องการได้รับการรักษาตามที่ตนเองตั้งเป้าหมายไว้ ถ้าข้อเรียกร้องยังอยู่ในขอบเขตที่ไม่ล้ำเส้นไปถึง การเป็นมิจฉาชีพหรือที่จะมาฉวยโอกาสเรียกเอาทรัพย์ พี่ก็แนะนำว่าควรจะดูแลคนไข้เต็มที่ครับ
10. สุดท้าย… ทุกคนที่อ่านข้อความของพี่ตั้งแต่ข้อที่หนึ่งถึงข้อที่เก้า คุณเป็นคนเก่งครับ คุณเป็นคนที่จริงจัง และมุ่งหมายที่จะให้การทำงานจากสองมือนี้ เป็นประโยชน์ทั้งกับตัวเองและผู้อื่น อย่าลืมบอกกับตัวเองทุกครั้งนะครับ ทุกครั้งที่จะเจอคนไข้ บอกกับตัวเองว่าฉันเป็นคนที่มีเสน่ห์ และพร้อมที่จะให้การดูแลคนไข้ที่โชคดีที่สุดในวันนี้ ที่ได้มาทำฟันกับฉัน
สิ่งที่พี่แนะนำ ไม่ได้หมายความว่าทุกคนต้องทำตามในทุกข้อ แค่ลองเปิดใจอ่านดู และลองทำตามในข้อที่เราพอจะทำได้ และยังเป็นตัวของตัวเราอยู่ ไม่ได้จำเป็นจะต้องฝืนขนาดที่สูญเสียความเป็นตัวตนนะครับ
ถ้าเราสามารถปรับทัศนคติ ให้มีความยืดหยุ่นได้ การทำงานของเราจะราบรื่นและประสบความสำเร็จ ![]()
ข้อมูลจาก https://web.facebook.com/story.php?story_fbid=986944093295718&id=100059404098901
