ในปัจจุบัน เป็นที่ยอมรับกันว่า การทำการตลาดเป็นสิ่งสำคัญต่อการสร้างให้เกิดรายได้ให้กับคลินิกทันตกรรมแน่นอน เพราะในโลกยุคปัจจุบันที่เรามีจำนวนคลินิกเพิ่มขึ้นทุกๆ ปี ปีละ ประมาณ 500-600 คลินิกทันตกรรม และทำให้ปีที่แล้วเราน่าจะมีจำนวนคลินิกทันตกรรมทั่วประเทศเลย 6,000 แห่ง ไปเรียบร้อย (จากข้อมูลของกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข) แต่จำนวนคนไข้มันไม่ได้เพิ่มตาม ดังนั้น ตามหลัก demand-supply เมื่อเรามีความต้องการจะซื้อลดลง แต่ความต้องการจะขายเพิ่มขึ้น ก็ย่อมทำให้ผู้ซื้อมีโอกาสที่จะเลือกซือได้มากขึ้นตามความพึงพอใจ ซึ่งมันแตกต่างไปจากสมัยก่อนที่จำนวนคลินิกทันตกรรมไม่ได้เยอะอย่างตอนนี้ ทำให้เวลาเปิดคลินิกใหม่ๆ ก็ตาม ก็มักจะมีคนไข้เข้าไปใช้บริการอยู่เสมอ ดังนั้น ในสมัยปัจจุบันนี้ การทำให้ผู้ซื้อเห็นเรา มีความสนใจเรา และ ความสนใจนั้นยาวไปจนถึงการเริ่มติดต่อกับคลินิกเรา และ ทำนัดหมายกับคลินิกเรา จึงเป็นหน้าที่ของงานการตลาด ที่จะช่วยสร้างให้คลินิกหรือคุณหมอฟันเป็นที่รู้จัก และ คนไข้อยากมาใช้บริการ
อย่างไรก็ตาม การเริ่มทำการตลาดของคลินิกทันตกรรมไม่ว่าจะเป็นวิธีการหรือช่องทางใดๆ หากลองได้เริ่มทำแล้วไม่มีคนไข้กลับมา ก็จะถือเป็นค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่ที่รอเราอยู่เช่นกัน เพราะกว่าที่จะได้ชิ้นโฆษณาสักชิ้นนึง มักจะต้องผ่านการทำงานหลายขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นการวางแผน การคิดงาน การออกแบบและการผลิตชิ้นงาน การนำเสนอและการวัดผล การปรับปรุงแอด ฯลฯ และ ในแต่ละขั้นตอนเหล่านี้ย่อมต้องการคนที่มีความรู้ในโครงการของเครื่องมือการตลาดชนิดต่างๆ และ ความรู้ทางทันตกรรมเป็นอย่างดี ซึ่งแน่นอนว่าโครงสร้างเครื่องมือการตลาดเหล่านี้ไม่เคยถูกสอนอยู่ในระดับปริญญาใดๆ ของวิชาการทันตแพทย์แน่นอน ซึ่งแปลว่าจะหาคุณหมอฟันที่มีความรู้เรื่องนี้จริงๆ น่าจะมีไม่มาก นอกจากจะมีความสนใจ และ ฝึกฝนในการทำด้วยตนเองอยู่เสมอ ทำให้คำถามหนึ่งที่เป็นคำถามยอดฮิตจากทันตแพทย์ส่วนใหญ่ที่มาเรียนคอร์สการตลาดออนไลน์หลายๆ รุ่นที่ผ่านมา มักจะถามอยู่เสมอว่า “ถ้าจะทำการตลาดออนไลน์ ควรทำแบบไหนดี จะจ้างเอเจนซี่มาทำให้ดีมั้ย หรือจะสร้างทีมของตัวเองขึ้นมาดี?” จึงขอนำเอาคำถามข้อนี้มาทำเป็นบทความนี้ โดยขอออกตัวว่าเป็นการเขียนจากประสบการณ์ที่เคยทำมาในอดีต อาจจะตรงหรือไม่ตรงกับประสบการณ์ของคุณหมอที่เคยทำการตลาดคนอื่นๆ ก็ได้
ก่อนอื่นเราควรมาเรียนรู้กันก่อนนะว่า งานการตลาดออนไลน์ที่กำลังพูดถึงนี่ มันคืออะไรกันแน่ โดยสำหรับผม คำว่าการตลาดออนไลน์ มันก็คือ “การสื่อสาร” ที่เราต้องการนำเอาข้อความหรือตัวตนของเรา ที่เคยถูกคิด/ออกแบบไว้ก่อนหน้า (จากหัวข้อเรื่อง business model และ branding) ออกไปส่งให้กับผู้รับข้อความ โดยมีวัตถุประสงค์หลักคือเพื่อสร้างความรับรู้ หรือ ความสนใจ ซึ่งมีหลากหลายวิธี หลายช่องทาง ซึ่งการสื่อสารแต่ละวิธี แต่ละช่องทาง ก็จะต้องสอดคล้องไปกับความสนใจ และ ช่องทางในการรับข่าวสารของผู้รับสารในเวลานั้นเช่นกัน ตามทฤษฎี Funnel Marketing. โดยในบทความนี้ผมจะขอข้ามเรื่องนี้ไปเลย เพื่อให้โฟกัสกับหัวข้อในบทความนี้เท่านั้น
หากรู้ความหมายของการตลาดออนไลน์กันแล้ว ก็จะเห็นได้ว่าศาสตร์ด้านนี้ค่อนข้างต้องรู้กว้างและรู้ลึกไปทั้งสองด้าน และ เป็นองค์ความรู้ที่เปลี่ยนแปลงบ่อยมากกกก ตาม algoryhthmของแต่ละแพลตฟอร์ม และ พฤติกรรมของผู้บริโภคในเวลานั้นๆ แถมยังต้องมาทำความเข้าใจเกียวกับความรู้ทันตกรรมกันด้วย ทำให้การจะหาคุณหมอฟันที่เก่งด้านการตลาดออนไลน์จริงๆ น่าจะนับหัวได้ ดังนั้น หากคลินิกทันตกรรมที่คุณหมอไม่ได้มีความรู้ด้านนี้ หากจะทำกิจกรรมการตลาดออนไลน์ได้ดี ก็คงจะต้องหาตัวช่วยแน่นอน โดยจะมีตัวช่วยสองรูปแบบ คือ ทีมการตลาดของตัวเอง และ เอเยนซี่ภายนอก โดยเราจะมาเริ่มที่การทำความเข้าใจเกียวกับ ข้อดี-ข้อเสีย ของแต่ละตัวเลือกกันก่อน
1 การมีทีมการตลาดของตัวเอง วิธีนี้จะมีข้อดีคือ ทีมการตลาดของเราจะอินกับกิจกรรมการตลาดของคลินิกเรามากๆ ทำงานเร็ว ตรงกับความต้องการ และหากทีมนี้อยู่กับเรานานเท่าไหร่ จะยิ่งเข้าใจคลินิกของเราได้มากขึ้น มีโอกาสที่ผลลัพธ์ทางกิจกรรมการตลาดก็จะดีขึ้นเรื่อยๆ
แต่ข้อเสียหลักๆ คือ ทีมงานจะต้องมีหัวหน้าทีมที่เก่ง ไว้ใจได้ และมีความรู้ ความชำนาญ ด้านการตลาดจริงๆในการบริหารทีมและกำหนดทิศทางการทำงาน ซึ่งแน่นอนว่าหากทันตแพทย์เจ้าของกิจการไม่ได้ดูแลเรื่องนี้เอง ตำแหน่งหัวหน้านี้ย่อมมีค่าแรง หรือ ค่าตอบแทนที่ไม่ถูกแน่นอน แต่ก็จะคุ้มค่ามาก หากเขาสามารถช่วยทำให้งานการตลาดออนไลน์ของคลินิกประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี
นอกจากนี้ เรายังต้องมี HR ที่เก่งในการสรรหาคนที่ทำงานได้จริงๆ และเข้าใจว่าในแต่ละตำแหน่งต้องคัดเลือกสัมภาษณ์คนอย่างไร และยังต้องสามารถวางแผนที่จะดึงเอาคนที่มีความสามารถเหล่านี้ให้อยู่กับเราได้อย่างยาวนาน เพราะอย่าลืมว่า ความต้องการคนด้านการตลาดมีอยู่สูงมาก โดยเฉพาะคนที่เก่ง และต้องยอมรับตามตรงว่าเนื้อหาและวิธีการนำเสนอของคลินิกทันตกรรมที่น่าสนใจจริงๆ มันไม่ได้มีอยู่เยอะมาก ดังนั้น หากคนเก่งที่อยู่มานาน แล้วเขาต้องการเก่งขึ้นไปอีก อาจมีโอกาสที่เขาจะออกไปหางานใหม่ได้เช่นกัน
2 การจ้าง Agency ภายนอกเข้ามาช่วยทำการตลาด วิธีนี้มีข้อดีได้แก่ ทีมภายนอกนี้จะพร้อมใช้งาน มีทักษะและความรู้ทางการตลาดออนไลน์ที่ดีเพียงพอที่จะทำงานได้ดี ซึ่งหากทีมภายนอกนี้ทำงานได้ดีตามที่เสนองานในตอนแรก จะทำให้กิจการของคลินิกไปได้ดี โดยที่เราและ HR จะมีเวลาเต็มที่ในการบริหารงานส่วนอื่นๆ ของคลินิกทันตกรรม
อย่างไรก็ตาม สำหรับข้อเสียหลักๆ ที่เราต้องยอมรับคือ เอเยนซี่แต่ละราย ย่อมต้องมีงานหลากหลายในมือ ทำให้โฟกัสของเขากับเราก็จะไม่สูงมาก ประกอบกับรูปแบบกิจการคลินิกทันตกรรมจะค่อนข้างเป็นกลุ่มที่ไม่ใหญ่ จะหาเอเยนซี่ที่เข้ามาแล้วทำได้ทันทีย่อมจะเป็นไปไม่ได้ ต้องใช้เวลาพอสมควรกว่าจะเข้าใจเรา นอกจากนี้ อันนี้จากประสบการณ์ส่วนตัวที่ผ่านการคุยกับเอเยนซี่มาเยอะ พบว่าเอเยนซี่ก็เป็นธุรกิจหนึ่งเช่นกัน ดังนั้น เขาย่อมคาดหวังที่จะหาลูกค้าใหม่ได้เสมอ ดังนั้นตัวแทนเอเยนซี่ที่จะมารับบรีฟจากเรามักจะเป็นคนที่เก่งที่สุดเสมอ อาจจะเป็นเจ้าของเอเจนซี่ หรือระดับหัวหน้างานที่มีความเชี่ยวชาญ แต่พอเขารับงานไปแล้ว เขาอาจไม่ใช่คนที่ทำงานให้เราจริง แต่จะเป็นทีมทำงานในบริษัทนั้นๆ จนอาจจะกลายเป็นระดับน้องจูเนียร์ก็ได้ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นระดับไหน ข้อเสียหลักๆ ที่เราต้องยอมรับก็คือ เอเยนซี่ทุกคนจะต้องดูแลลูกค้ามากกว่าหนึ่งรายแน่นอน บางคนดูแลลูกค้ามากถึง 10-20 ราย ดังนั้น จะมาคาดหวังให้เขาตามติดงานให้กับเราทุกวันย่อมจะเป็นไปไม่ได้
————————————————————————
คอร์สการตลาดออนไลน์ เข้มข้น 2 วัน ครบจบกลยุทธ์สำคัญเพื่อสร้างพื้นฐานแน่นๆ เฉพาะสำหรับ เจ้าของคลินิกทันตกรรม เพื่อให้มีความรู้และจะนำไปใช้ต่อได้จริง
หลักการวางกลยุทธ์ สร้างจุดแข็ง เร่งจุดขาย
วิธีการบริหารงบประมาณการตลาดอย่างไรไม่ให้เกินงบ
เทคนิคเร่งรัดการสร้างคอนเท้นต์เน้นยอดขาย
และอื่นๆ อีกมากมายตลอดหลักสูตร
สนใจลงทะเบียนคลิก https://swiy.co/dentrepreneur
หรือโทรเลย 095-7454617
————————————————————————
จากที่เขียนมาข้างบน สามารถบอกได้ว่า ไม่มีทางเลือกไหนที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน แต่เราต้องหาทางออกที่เหมาะสมสำหรับเรามากกว่า หากกิจการของเราเป็นกิจการขนาดไม่ใหญ่มาก และ ไม่ได้มีฐานคนไข้หลักจากออนไลน์ แต่จะเป็นจากชุมชนใกล้เคียง แต่อยากทำกิจกรรมการตลาดออนไลน์ ก็น่าจะเริ่มจากการใช้เอเยนซี่ โดยอาจหารายที่ไม่ใหญ่มาก โดยอาจจะหาคนเก่งที่เคยทำงานที่อื่น แล้วออกมาทำกิจการของตัวเอง เพื่อให้มั่นใจว่า เขาจะรับงานไปทำต่อด้วยตนเอง ไม่เอาไปส่งต่อให้คนอื่นทำต่ออีกทอด นอกจากนี้ ความโปร่งใสในการทำงานก็สำคัญไม่แพ้กัน โดยเฉพาะ หากเป็น agency ที่มีกิจกรรมการยิง ads ที่จะต้องยิง ads ใน business account ภายใต้ ads account ของคลินิกเท่านั้น ไม่ใช่เอา ads ของเราไปปนกับ business account ของกิจการอื่่น เพื่อให้เราสามารถกดเข้าไปดูผลลัพธ์ได้ และ ป้องกันปัญหา ads account โดนปิด โดยเราไม่รู้ตัว อันอาจเป็นปัญหามาจากโฆษณาของกิจการอื่นที่อยู่ใน account เดียวกับเราก็ได้
แต่หากกิจการของเรามีขนาดใหญ่ อาจมีหลายสาขา หรือ เน้นฐานคนไข้มาจากออนไลน์ การที่เราสามารถสร้างทีมการตลาดของเราเองได้ ย่อมจะดีที่สุดในระยะยาว ยิ่งถ้าเกิดทีมจะอยู่กับเราได้นาน สามารถเติบโตในสายงานขึ้นมาเป็นหัวหน้า และคุมทีมการตลาดได้ ก็ย่อมจะทำให้กิจกรรมการตลาดของเราเข้มเเข็งขึ้นตามได้ด้วย แต่กว่าจะถึงจุดนั้น การคัดเลือกพนักงานดีๆ ที่เก่งเข้ามา โดยต้องเน้นการสัมภาษณ์เป็นหลัก เพื่อเฟ้นหาคนที่มีความรู้เชิงลึกในเนื้องานนั้นๆ เป็นสิ่งสำคัญมาก พยายามหาคนที่มีทัศนคติในการทำงานที่ต้องพัฒนาตนเอง ตั้งใจเรียนรู้ ข้อนี้สำคัญเพราะทักษะหรือความรู้ต่างๆ สามารถเรียนกันได้ แต่ทัศนคติในการทำงานเป็นสิ่งที่เปลี่ยนยาก จงอย่าเสียเวลากับคนที่ไม่ใช่ เพราะกิจการของเรามีความยาก ซับซ้อนในระดับหนึ่ง และ ยังมีมูลค่ามหาศาล เกินกว่าที่จะมาหวังพึ่งคนที่ไม่ได้มีความสนใจที่จะเติบโต นอกจากนี้ หากเราได้คนทีถูกต้องมาร่วมงาน การจะออกแบบกระบวนการทำงานเพื่อทำให้เขามีความท้าทายในการทำงาน และ อยูกับเราได้นาน ก็เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน
